กลุ่มงานประสานกิจกรรมชุมชนมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
๑. ทดสอบและประเมินทางจิตวิทยา ให้คำแนะนำปรึกษา ติดตามและสงเคราะห์เด็กและเยาวชนที่อยู่ในระหว่างการประกันตัว ชั่วคราว และภายหลังจากศาลพิพากษาหรือมีคำสั่ง
๒. บริการให้คำปรึกษาแก่ครอบครัวของเด็กและเยาวชน และบุคคลทั่วไป
๓. ดำเนินงานเกี่ยวกับการบำบัดแก้ไข ฟื้นฟู ป้องกันและพัฒนาเด็กและเยาวชน
๔. ดำเนินการด้านกิจกรรมชุมชน และประสานความร่วมมือเพื่อการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิเด็ก
๕. ดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางเลือก การหันเหคดีออกจากระบวนการยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์
สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง
เลขที่ 144/1 หมู่ที่ 2 ถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21000
"พินิจด้วยรัก พิทักษ์ด้วยใจ"
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม
หน้าเว็บ
วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553
ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
ฝ่ายบริหารงานทั่วไปมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
๑. ดำเนินงานเกี่ยวกับงานสารบรรณ งานการเงิน–บัญชี งานบริหารงานบุคคลเบื้องต้น การเสนอของบประมาณประจำปีของสถานพินิจ งานประชาสัมพันธ์ การประสานงานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชนในสถานแรกรับเด็กและเยาวชน
๒. ดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการรับตัวเด็กและเยาวชนผู้กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด พิมพ์ลายนิ้วมือ จัดทำประวัติและจัดส่งเด็กและเยาวชนไปยังสถานแรกรับ ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่บิดา มารดา หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาติดต่อ จัดทำทะเบียนคุมเก็บรักษาเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ หรือทรัพย์สินมีค่าของผู้เยาว์
๑. ดำเนินงานเกี่ยวกับงานสารบรรณ งานการเงิน–บัญชี งานบริหารงานบุคคลเบื้องต้น การเสนอของบประมาณประจำปีของสถานพินิจ งานประชาสัมพันธ์ การประสานงานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชนในสถานแรกรับเด็กและเยาวชน
๒. ดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการรับตัวเด็กและเยาวชนผู้กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด พิมพ์ลายนิ้วมือ จัดทำประวัติและจัดส่งเด็กและเยาวชนไปยังสถานแรกรับ ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่บิดา มารดา หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาติดต่อ จัดทำทะเบียนคุมเก็บรักษาเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ หรือทรัพย์สินมีค่าของผู้เยาว์
กลุ่มงานคดี
กลุ่มงานคดีมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
๑. ดำเนินการสืบเสาะและสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด จัดทำรายงานข้อเท็จจริงเสนอต่อศาล การเสนอการประกันตัวเด็กและเยาวชนในชั้นสถานพินิจ การหันเหคดีออกจากกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์
๒. ดำเนินการสืบเสาะและสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งศาลในคดีครอบครัวที่ยืนคำฟ้องหรือคำร้องต่อศาล รวบรวมหลักฐานและจัดทำรายงานข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นเสนอต่อศาลเพื่อประกอบการพิจารณาคดี รวมทั้งการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความในคดีครอบครัว
๓. ดำเนินการเกี่ยวกับการปกครองดูแลผู้เยาว์ กำกับดูแลทรัพย์สินของผู้เยาว์ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้กำกับผู้ใช้อำนาจ ปกครอง พิจารณาเกี่ยวกับการใช้ทรัพย์สินของผู้เยาว์ ควบคุมดูแลการทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ เก็บรักษาหลักฐานเกี่ยวกับเอกสารสิทธิหรือทรัพย์สิน รายงานข้อเท็จจริง และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับการปกครองและผู้ปกครองต่อศาล
๑. ดำเนินการสืบเสาะและสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด จัดทำรายงานข้อเท็จจริงเสนอต่อศาล การเสนอการประกันตัวเด็กและเยาวชนในชั้นสถานพินิจ การหันเหคดีออกจากกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์
๒. ดำเนินการสืบเสาะและสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งศาลในคดีครอบครัวที่ยืนคำฟ้องหรือคำร้องต่อศาล รวบรวมหลักฐานและจัดทำรายงานข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นเสนอต่อศาลเพื่อประกอบการพิจารณาคดี รวมทั้งการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความในคดีครอบครัว
๓. ดำเนินการเกี่ยวกับการปกครองดูแลผู้เยาว์ กำกับดูแลทรัพย์สินของผู้เยาว์ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้กำกับผู้ใช้อำนาจ ปกครอง พิจารณาเกี่ยวกับการใช้ทรัพย์สินของผู้เยาว์ ควบคุมดูแลการทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ เก็บรักษาหลักฐานเกี่ยวกับเอกสารสิทธิหรือทรัพย์สิน รายงานข้อเท็จจริง และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับการปกครองและผู้ปกครองต่อศาล
สถานแรกรับเด็กและเยาวชน
สถานแรกรับเด็กและเยาวชน มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
รับตัวเด็กและเยาวชนทั้งชายและหญิง ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด โดยสถานแรกรับจะให้การดูแลในระหว่างสอบสวน และพิจารณาคดีด้วยการอภิบาล ดูแลเรื่องการกินอยู่หลับนอนของเด็กและเยาวชน ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือแก่เด็กและเยาวชน ให้คำแนะนำปรึกษาและเอื้ออำนวยความสะดวกแก่บิดามารดา ผู้ปกครอง ทั้งในด้านการดำเนินคดี การควบคุม ดูแล และการจัดกิจกรรมต่างๆ
งานภายในสถานแรกรับ
• งานธุรการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบปฏิบัติงานสารบรรณ งานการเงินบัญชี งานพัสดุ ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่บิดามารดา ผู้ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาติดต่อ จัดทำทะเบียนต่างๆ เก็บรักษาส่งคืนเอกสารหรือทรัพย์สิน และเงินฝากของเด็กและเยาวชน
• กลุ่มงานพัฒนาพฤตินิสัย มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้การอภิบาล ดูแลการกินอยู่หลับนอนของเด็กและเยาวชน , ศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมเด็กและเยาวชนเป็นรายบุคคลเพื่อประกอบการจำแนก และบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู ,วางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับจัดกิจกรรมบำบัด แก้ไข และพัฒนาจิตใจของเด็กและเยาวชน ปรับเปลี่ยนเจตคติ สร้างจิตสำนึก ให้การอบรมจริยธรรม , จัดทำแผนการรักษาความปลอดภัย และเฝ้าระวังซักซ้อมแผนการรักษาความปลอกภัยอย่างต่อเนื่อง , ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
• กลุ่มงานบำบัดฯ มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ในการศึกษาวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ หรือปัจจัยของการกระทำความผิดในด้านต่างๆ การตรวจสุขภาพกาย จิตของเด็กและเยาวชน ให้การรักษาพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพ โภชนาการ การดูแลอนามัย และสิ่งแวดล้อมในสถานควบคุม
รับตัวเด็กและเยาวชนทั้งชายและหญิง ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด โดยสถานแรกรับจะให้การดูแลในระหว่างสอบสวน และพิจารณาคดีด้วยการอภิบาล ดูแลเรื่องการกินอยู่หลับนอนของเด็กและเยาวชน ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือแก่เด็กและเยาวชน ให้คำแนะนำปรึกษาและเอื้ออำนวยความสะดวกแก่บิดามารดา ผู้ปกครอง ทั้งในด้านการดำเนินคดี การควบคุม ดูแล และการจัดกิจกรรมต่างๆ
งานภายในสถานแรกรับ
• งานธุรการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบปฏิบัติงานสารบรรณ งานการเงินบัญชี งานพัสดุ ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่บิดามารดา ผู้ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาติดต่อ จัดทำทะเบียนต่างๆ เก็บรักษาส่งคืนเอกสารหรือทรัพย์สิน และเงินฝากของเด็กและเยาวชน
• กลุ่มงานพัฒนาพฤตินิสัย มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้การอภิบาล ดูแลการกินอยู่หลับนอนของเด็กและเยาวชน , ศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมเด็กและเยาวชนเป็นรายบุคคลเพื่อประกอบการจำแนก และบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู ,วางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับจัดกิจกรรมบำบัด แก้ไข และพัฒนาจิตใจของเด็กและเยาวชน ปรับเปลี่ยนเจตคติ สร้างจิตสำนึก ให้การอบรมจริยธรรม , จัดทำแผนการรักษาความปลอดภัย และเฝ้าระวังซักซ้อมแผนการรักษาความปลอกภัยอย่างต่อเนื่อง , ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
• กลุ่มงานบำบัดฯ มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ในการศึกษาวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ หรือปัจจัยของการกระทำความผิดในด้านต่างๆ การตรวจสุขภาพกาย จิตของเด็กและเยาวชน ให้การรักษาพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพ โภชนาการ การดูแลอนามัย และสิ่งแวดล้อมในสถานควบคุม
กลุ่มงานภายใน
แบ่งงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบออกเป็น 4 กลุ่มงาน
1. สถานแรกรับเด็กและเยาวชน
2. กลุ่มงานคดี
3. ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
4. กลุ่มงานประสานกิจกรรมชุมชน
1. สถานแรกรับเด็กและเยาวชน
2. กลุ่มงานคดี
3. ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
4. กลุ่มงานประสานกิจกรรมชุมชน
สถานพินิจฯ24 ชั่วโมง
การลดความแออัดภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาด้านความเครียดของเด็กและเยาวชนที่ถูกจับกุม ซึ่งกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้เล็งเห็นและให้ความสำคัญกับปัญหานี้มาโดยตลอดดังนั้น จึงได้มีการขยายเวลาบริการประกันตัวเด็กตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในวันเวลาราชการและวันหยุดราชการ โดยเมื่อเด็กหรือเยาวชนถูกควบคุมตัวมายังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เจ้าหน้าที่จะรีบดำเนินการพิจารณาการขอประกันตัวเด็กหรือเยาวชนของผู้ปกครองให้แล้วเสร็จภายใน 30 นาที หลังยื่นขอประกันตัวสำหรับหลักเกณฑ์หรือปัจจัยในการพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว จะประกอบด้วยความหนักเบาของข้อหา ความคืบหน้าในการสืบเสาะโอกาสที่เด็กจะกลับไปกระทำความผิดอีก ความปลอดภัยปลอกภัยหลังจากได้รับการปล่อยตัวชัวคราว ความเสียหายที่เกิดจากการปล่อยตัวชั่วคราว โอกาสที่เด็กจะหลบหนี และความน่าเชื่อถือของผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกัน
รู้จักสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
เมื่อเด็กและเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำผิดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม พนักงานสอบสวนต้องรีบดำเนินการสอบปากคำโดยด่วน และนำเด็กหรือเยาวชนผู้นั้นส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ได้รับการประกันตัวจะถูกควบคุมตัวไว้ในสถานแรกรับเด็กและเยาวชน เพื่อพินิจพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน หลังจากนั้นจะได้รับการตรวจสุขภาพ ให้นักจิตวิทยาตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยา และพนักงานคุมประพฤติทำการสอบปากคำ เพื่อสืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของเด็กและเยาวชนผู้นั้น ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้วก็จะสามารถนำมาจำแนกเด็กและเยาวชน และทำรายงานเสนอต่อศาลเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยในชั้นพิจารณาต่อไปสำหรับเด็กหรือเยาวชนที่เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จะได้รับการดูแลภายใต้สิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตไม่ว่าจะเป็น ด้านการศึกษา สุขอนามัย เสรีภาพในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลในครอบครัว และสิทธิอันชอบธรรมที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีจะเห็นได้ว่าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนนั้น เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดซึ่งพวกเขาจะได้รับการดูแล และการปฏิบัติอย่างดีตามสิทธิทุกประการ
ประวัติความเป็นมา
ประวัติ และความเป็นมา
ในสมัยที่ยังใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 การปฏิบัติต่อเด็กที่กระทำความผิด ตามกฎหมาย ศาลได้แต่พิเคราะห์ถึงความรู้สึกผิดชอบของเด็ก ประกอบกับลักษณะของความผิดที่เด็กได้กระทำลง แล้วกำหนดโทษไปตามความเหมาะสมกับความผิด และความรู้สึกรับผิดชอบของเด็ก ส่วนการควบคุมเด็กที่กระทำผิด ในปี พ.ศ. 2450 ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนดัดสันดานขึ้นที่เกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยให้อยู่ในความดูแลของกรมตำรวจ โรงเรียนดังกล่าวเป็นสถานที่ควบคุมเด็กที่กระทำความผิด ซึ่งมีอายุระหว่าง 10 - 16 ปี ไว้ให้การแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย ส่วนที่เสียหายและปลูกฝังนิสัยที่ดี ต่อมาได้โอนกิจการโรงเรียนดัดสันดานให้อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ ในปี พ.ศ. 2478 ได้ตราพระราชบัญญัติประถมศึกษา โดยมีบทบัญญัติให้ศาลมีอำนาจสั่งให้เด็กที่มีอายุในเขตบังคับ (อายุไม่ครบ 15 ปี) ที่ไม่ได้ไปเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษา โดยปราศจากเหตุผลอันสมควรไปไว้ในโรงเรียนฝึกอาชีพ และต่อมาได้ตราพระราชบัญญัติ ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 และพระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก พ.ศ. 2479 ขึ้นใช้บังคับ โดยได้มีบทบัญญัติวางวิธีปฏิบัติต่อนักโทษ และต่อเด็กที่ต้องคำพิพากษาให้หนัก ไปในทางฝึกอบรม ไม่ใช่การทำโทษเช่นแต่ก่อน กรมราชทัณฑ์จึงได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพ สำหรับเด็กที่กระทำผิดที่มีอายุยังไม่ครบ 18 ปี และแยกควบคุมผู้ต้องโทษครั้งแรกที่มีอายุ ต่ำกว่า 25 ปี ไว้เป็นพิเศษ โดยเปลี่ยนชื่อโรงเรียนดัดสันดานเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพ พร้อมกับย้ายจากเกาะสีชังมาตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนผู้ต้องโทษครั้งแรกที่มอายุต่ำกว่า 25 ปี ได้จัดตั้งเป็นทัณฑสถานวัยหนุ่ม ต่อมากรมราชทัณฑ์ ได้โอนกิจการโรงเรียนฝึกอาชีพไปให้กรมประชาสงเคราะห์ดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2501 ซึ่งกรมประชาสงเคราะห์ ได้รับเด็กไว้ฝึกอบรม ณ เยาวชนสถานบ้านห้วยโป่ง จังหวัดระยอง ส่วนทัณฑสถานวัยหนุ่มยังคงอยู่กับ กรมราชทัณฑ์
พระราชบัญญัติควบคุมเด็กและนักเรียน พ.ศ. 2481 ได้มีบทบัญญัติให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าหน้าที่จัดการกับเด็กนักเรียนและเด็กอนาถาที่ประพฤติตนไม่สมควร แก่วัยและให้ศาลมีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองบิดามารดาหรือผู้ปกครองเด็กที่ใช้อำนาจปกครอง โดยมิชอบเสียบางส่วนหรือทั้งหมดได้ และตั้งเจ้าหน้าที่ให้เป็นผู้ปกครองแทนกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดให้มีสารวัตรนักเรียนออกทำการตรวจตราดูแลความประพฤติของเด็กนักเรียนในกรุงเทพมหานคร ส่วนกรมประชาสงเคราะห์ได้จัดตั้งสถานสงเคราะห์เป็นที่ให้การเลี้ยงดูและอบรมขึ้น เช่น สถานสงเคราะห์เด็กอ่อน โรงเรียนชาติสงเคราะห์ โรงเรียนประชาสงเคราะห์ วิทยาลัยพิบูลประชาสรรค์ เยาวชนสถานทุ่งมหาเมฆ และเยาวชนสถานบางละมุง จังหวัดชลบุรี
รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของเด็กที่กระทำผิดมาโดยตลอด และเห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องยังมีข้อบกพร่องและมีอุปสรรคอยู่หลายประการ ทั้งกฎหมายที่บัญญัติไว้ก็เฉพาะสำหรับการปฏิบัติต่อเด็กหลังจากศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งแล้ว ส่วนวิธีปฏิบัติต่อเด็กในระหว่างที่ถูกจับกุมและระหว่างการพิจารณาคดีไม่มีกฎหมายบัญญัติวิธีการไว้ เด็กจึงได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ใหญ่กระทำความผิดซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมและมีผลเสียหายแก่เด็ก จึงได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 กระทรวงยุติธรรม จึงได้จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2495 โดยมีที่ทำการชั่วคราวอยู่ที่อาคารศาลแขวงพระนครใต้ (เดิม) ตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธ์วงศ์ จังหวัดพระนคร ส่วนอาคารที่ทำการถาวรได้ก่อสร้างขึ้นในที่ดินราชพัสดุใกล้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ด้านถนนราชินี จัดทำสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2495 เป็นเงินทั้งสิ้น 1,370,000 บาท กำหนดเวลาก่อสร้าง 300 วัน การเปิดทำการศาลคดีเด็กและเยาวชน กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2495 นับเป็นการเริ่มต้นแห่งระบบการแก้ไขเยียวยาเด็กและเยาวชนที่ถูกต้องเหมาะสม โดยแยกปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดออกจากกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้ใหญ่ ทั้งกฎหมายได้บัญญัติให้มีการสืบเสาะ และพินิจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคลิกภาพ ภาวะแห่งจิต และสิ่งแวดล้อมทั้งปวงไปพร้อมกับการสอบสวน ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่งจะทำให้ศาลได้ทราบถึงสาเหตุแห่งการกระทำผิดก่อน แล้วจึงใช้มาตรการแก้ไขเด็กและเยาวชนด้วยวิธีการที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล
ต่อมากระทรวงยุติธรรม ได้เสนอปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 และพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งต่อมาได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2507 รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัว และเห็นว่าครอบครัวมีความสำคัญ ต่อการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน เพื่อพิทักษ์และคุ้มครองสวัสดิภาพของครอบครัว เช่นเดียวกับสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน จึงได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ. 2534 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2535 โดยกฎหมายดังกล่าวได้เพิ่ม บทบัญญัติให้มีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีครอบครัว ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดสากลที่ถือว่าครอบครัว เป็นพื้นฐานอันสำคัญของชุมชน การดำรงอยู่ของครอบครัวหมายถึงการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของสมาชิก ทุกคนในครอบครัว และปัญหาครอบครัวย่อมส่งผลกระทบถึงความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของทุกคนใน ครอบครัว รวมทั้งกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ปรับเปลี่ยนชื่อของศาลคดีเด็กและเยาวชนกับสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เป็นศาลเยาวชนและครอบครัวกับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งตามมาตรา 275 บัญญัติให้ศาลยุติธรรมมีหน่วยธุรการของศาลยุติธรรมที่เป็นอิสระ จึงได้มีการ ตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ขึ้น ซึ่งมีผลให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนซึ่งเดิมอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของศาลเยาวชนและครอบครัว มาอยู่ภายใต้ สังกัดของกระทรวงยุติธรรม ตามมาตรา 36 ภายหลังจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมา สังกัดอยู่ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลได้มีการปฏิรูประบบราชการ ใหม่ โดยได้มีการตราพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ขึ้น มีผลทำให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้รับการยกฐานะเป็นกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยให้มีอำนาจ หน้าที่และการแบ่งส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2545 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2545
ในสมัยที่ยังใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 การปฏิบัติต่อเด็กที่กระทำความผิด ตามกฎหมาย ศาลได้แต่พิเคราะห์ถึงความรู้สึกผิดชอบของเด็ก ประกอบกับลักษณะของความผิดที่เด็กได้กระทำลง แล้วกำหนดโทษไปตามความเหมาะสมกับความผิด และความรู้สึกรับผิดชอบของเด็ก ส่วนการควบคุมเด็กที่กระทำผิด ในปี พ.ศ. 2450 ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนดัดสันดานขึ้นที่เกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยให้อยู่ในความดูแลของกรมตำรวจ โรงเรียนดังกล่าวเป็นสถานที่ควบคุมเด็กที่กระทำความผิด ซึ่งมีอายุระหว่าง 10 - 16 ปี ไว้ให้การแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย ส่วนที่เสียหายและปลูกฝังนิสัยที่ดี ต่อมาได้โอนกิจการโรงเรียนดัดสันดานให้อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ ในปี พ.ศ. 2478 ได้ตราพระราชบัญญัติประถมศึกษา โดยมีบทบัญญัติให้ศาลมีอำนาจสั่งให้เด็กที่มีอายุในเขตบังคับ (อายุไม่ครบ 15 ปี) ที่ไม่ได้ไปเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษา โดยปราศจากเหตุผลอันสมควรไปไว้ในโรงเรียนฝึกอาชีพ และต่อมาได้ตราพระราชบัญญัติ ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 และพระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก พ.ศ. 2479 ขึ้นใช้บังคับ โดยได้มีบทบัญญัติวางวิธีปฏิบัติต่อนักโทษ และต่อเด็กที่ต้องคำพิพากษาให้หนัก ไปในทางฝึกอบรม ไม่ใช่การทำโทษเช่นแต่ก่อน กรมราชทัณฑ์จึงได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพ สำหรับเด็กที่กระทำผิดที่มีอายุยังไม่ครบ 18 ปี และแยกควบคุมผู้ต้องโทษครั้งแรกที่มีอายุ ต่ำกว่า 25 ปี ไว้เป็นพิเศษ โดยเปลี่ยนชื่อโรงเรียนดัดสันดานเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพ พร้อมกับย้ายจากเกาะสีชังมาตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนผู้ต้องโทษครั้งแรกที่มอายุต่ำกว่า 25 ปี ได้จัดตั้งเป็นทัณฑสถานวัยหนุ่ม ต่อมากรมราชทัณฑ์ ได้โอนกิจการโรงเรียนฝึกอาชีพไปให้กรมประชาสงเคราะห์ดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2501 ซึ่งกรมประชาสงเคราะห์ ได้รับเด็กไว้ฝึกอบรม ณ เยาวชนสถานบ้านห้วยโป่ง จังหวัดระยอง ส่วนทัณฑสถานวัยหนุ่มยังคงอยู่กับ กรมราชทัณฑ์
พระราชบัญญัติควบคุมเด็กและนักเรียน พ.ศ. 2481 ได้มีบทบัญญัติให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าหน้าที่จัดการกับเด็กนักเรียนและเด็กอนาถาที่ประพฤติตนไม่สมควร แก่วัยและให้ศาลมีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองบิดามารดาหรือผู้ปกครองเด็กที่ใช้อำนาจปกครอง โดยมิชอบเสียบางส่วนหรือทั้งหมดได้ และตั้งเจ้าหน้าที่ให้เป็นผู้ปกครองแทนกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดให้มีสารวัตรนักเรียนออกทำการตรวจตราดูแลความประพฤติของเด็กนักเรียนในกรุงเทพมหานคร ส่วนกรมประชาสงเคราะห์ได้จัดตั้งสถานสงเคราะห์เป็นที่ให้การเลี้ยงดูและอบรมขึ้น เช่น สถานสงเคราะห์เด็กอ่อน โรงเรียนชาติสงเคราะห์ โรงเรียนประชาสงเคราะห์ วิทยาลัยพิบูลประชาสรรค์ เยาวชนสถานทุ่งมหาเมฆ และเยาวชนสถานบางละมุง จังหวัดชลบุรี
รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของเด็กที่กระทำผิดมาโดยตลอด และเห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องยังมีข้อบกพร่องและมีอุปสรรคอยู่หลายประการ ทั้งกฎหมายที่บัญญัติไว้ก็เฉพาะสำหรับการปฏิบัติต่อเด็กหลังจากศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งแล้ว ส่วนวิธีปฏิบัติต่อเด็กในระหว่างที่ถูกจับกุมและระหว่างการพิจารณาคดีไม่มีกฎหมายบัญญัติวิธีการไว้ เด็กจึงได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ใหญ่กระทำความผิดซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมและมีผลเสียหายแก่เด็ก จึงได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 กระทรวงยุติธรรม จึงได้จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2495 โดยมีที่ทำการชั่วคราวอยู่ที่อาคารศาลแขวงพระนครใต้ (เดิม) ตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธ์วงศ์ จังหวัดพระนคร ส่วนอาคารที่ทำการถาวรได้ก่อสร้างขึ้นในที่ดินราชพัสดุใกล้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ด้านถนนราชินี จัดทำสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2495 เป็นเงินทั้งสิ้น 1,370,000 บาท กำหนดเวลาก่อสร้าง 300 วัน การเปิดทำการศาลคดีเด็กและเยาวชน กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2495 นับเป็นการเริ่มต้นแห่งระบบการแก้ไขเยียวยาเด็กและเยาวชนที่ถูกต้องเหมาะสม โดยแยกปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดออกจากกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้ใหญ่ ทั้งกฎหมายได้บัญญัติให้มีการสืบเสาะ และพินิจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคลิกภาพ ภาวะแห่งจิต และสิ่งแวดล้อมทั้งปวงไปพร้อมกับการสอบสวน ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่งจะทำให้ศาลได้ทราบถึงสาเหตุแห่งการกระทำผิดก่อน แล้วจึงใช้มาตรการแก้ไขเด็กและเยาวชนด้วยวิธีการที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล
ต่อมากระทรวงยุติธรรม ได้เสนอปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 และพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งต่อมาได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2507 รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัว และเห็นว่าครอบครัวมีความสำคัญ ต่อการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน เพื่อพิทักษ์และคุ้มครองสวัสดิภาพของครอบครัว เช่นเดียวกับสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน จึงได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ. 2534 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2535 โดยกฎหมายดังกล่าวได้เพิ่ม บทบัญญัติให้มีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีครอบครัว ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดสากลที่ถือว่าครอบครัว เป็นพื้นฐานอันสำคัญของชุมชน การดำรงอยู่ของครอบครัวหมายถึงการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของสมาชิก ทุกคนในครอบครัว และปัญหาครอบครัวย่อมส่งผลกระทบถึงความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของทุกคนใน ครอบครัว รวมทั้งกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ปรับเปลี่ยนชื่อของศาลคดีเด็กและเยาวชนกับสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เป็นศาลเยาวชนและครอบครัวกับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งตามมาตรา 275 บัญญัติให้ศาลยุติธรรมมีหน่วยธุรการของศาลยุติธรรมที่เป็นอิสระ จึงได้มีการ ตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ขึ้น ซึ่งมีผลให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนซึ่งเดิมอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของศาลเยาวชนและครอบครัว มาอยู่ภายใต้ สังกัดของกระทรวงยุติธรรม ตามมาตรา 36 ภายหลังจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมา สังกัดอยู่ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลได้มีการปฏิรูประบบราชการ ใหม่ โดยได้มีการตราพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ขึ้น มีผลทำให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้รับการยกฐานะเป็นกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยให้มีอำนาจ หน้าที่และการแบ่งส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2545 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2545
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)